Your Adsense Link 728 X 15

การให้น้ำนก

Posted by Unknown วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น
การให้น้ำน้ำ สำหรับนกกรงหัวจุก ควรเป็นน้ำที่สะอาด เมื่อดูแล้วน้ำในถ้วยที่ให้นกกรงหัวจุกใกล้หมด ก็ต้องเติมน้ำให้ใหม่ เพราะนกกรงหัวจุกชอบร้องทั้งวัน ก็เหมือนคนที่พูดมากๆ ต้องหิวน้ำเป็นธรรมดา อย่าให้นกกรงหัวจุกขาดน้ำ ถ้านกขาดน้ำนกกรงหัวจุกจะมีลักษณะขนตั้งชัน และนกกรงหัวจุกก็จะตายได้ ปกตินกกรงหัวจุกจะขาดน้ำได้ประมาณ 2-3 วัน ดังนั้น ผู้เลี้ยงที่จะไปไหนหลายๆ วัน ต้องฝากให้คนอื่นช่วยดูแลให้

อาหารพิเศษ

Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น
อาหารพิเศษเป็น อาหารที่ผู้เลี้ยงใช้เสริมเข้าไปในอาหารหลัก เพื่อให้นกมีความแข็งแรงสมบูรณ์ คึกคักตลอดเวลา หรือแม้แต่รักษาอาการป่วยก็ได้ผลดี  ปกติจะให้อาการเสริมแก่นักตัวพิเศษที่เลี้ยงไว้แข่งขัน เช่น
- ข้าวสวยสุกผสมแกงส้มภาคใต้ ผู้เลี้ยงนกในท้องถิ่นภาคใต้นิยมใช้เป็นอาหารเสริมให้นกกิน สรรพคุณนั้นกล่าวกันว่า เพื่อทำให้นกสมบูรณ์แข็งแรง คึกคักเร็วขึ้น ไม่เจ็บป่วย อาจเป็นเพราะเครื่องแกงส้มมีส่วนประกอบของสมุนไพรหลายชนิดนั่นเอง
- พริกสดแช่น้ำผึ้ง หั่นพริกขี้หนูสุกสดๆ ขนาดนกกินได้พอดีแล้วแช่ไว้ในน้ำผึ้ง ถ้าจะให้ดีควรเป็นน้ำผึ้งเดือนห้าที่เตรียมไว้ให้นกกิน ทำให้ลำคอนกโปร่งโล่ง ขับถ่ายสะดวก เป็นการทำให้น้ำเสียงใสกังวานไม่แตกพร่า
- อาหารสูตรที่ผู้เลี้ยงนกส่วนใหญ่ใช้อยู่อีกสูตรหนึ่ง คือเอาเฉพาะไข่แดงของไข่ต้มไปตากแห้ง นำไปผสมากับถั่วลิสงป่น ถั่วเหลือง แคลเซี่ยมสำหรับสัตว์ปีก และนมผงที่ใช้เลี้ยงเด้กคลุกเคล้าให้เข้ากันดี นำไปตากแดดให้แห้งสนิท นำไปให้นกที่เพิ่งได้มาใหม่กิน เพื่อให้นกมีความแข็งแรงสมบูรณ์ คึกคัก ขนสวยเป็นมันวาว
- กระดองปลาหมึก จำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเจริญเติบโตของกระดูก ขนและจะงอยปาก และใช้ในการสร้างไข่
- ทรายนก ต้องการพวกเม็ดทราย เพื่อช่วยบดและย่อยอาหาร
- แท่งไอโอดีน ช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานเป็นปกติ
- วิตามิน จะให้โดยผสมในน้ำหรือผสมอาหาร แต่ทางที่ดีควรดูว่าอาหารที่ให้นั้นขาดอะไรแล้วจึงให้จะดีกว่า
อาหารผสมเมล็ด พืชผสมจะมีความหลากหลายของสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่จะให้แก่นก ซึ่งจะมีส่วนผสมของถั่ว ผักและผลไม้แห้ง ถ้าเราเลี้ยงด้วยอาหารผสม ควรเสริมด้วยผักและผลไม้ให้นกด้วย
ผักมี สารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามิน แคลเซี่ยม และธาตุเหล็ก เช่น ผักกาด ผักขม แครอท ข้าวโพด แขวนผักไว้ในกรงจะช่วยกระตุ้นให้นกกิน ไม่ว่าจะใช้วิธีแขวนหรือวางไว้ ควรเลี่ยงตำแหน่งที่ขี้นกจะตกใส่ ควรเปลี่ยนผักใหม่ทุก 3-4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย

อาหารสด

Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น

อาหารที่เป็นหนอนและแมลงได้แก่ หนอนนก ไข่มดแดง ปลวก จิ้งหรีด ตั๊กแตน แมลงเม่า อาหารพวกนี้จะเป็นอาหารโปรตีน ทำให้จกเจริญเติบโตได้เร็ว
อาหารเม็ดเป็น อาหารสำหรับให้ลูกไก่กิน ควรเป็นอาหารเสริมให้นกกรงหัวจุกกินเป็นบางครั้งบางคราว นกกรงหัวจุกเป็นนกที่กินอาหารได้ตลอดวัน และอุจจาระไปเรื่อยๆ ดังนั้น การให้อาหารก็ต้องคอยดูว่าอาหารที่ให้หมดหรือยัง ถ้าหมดแล้วก็ให้ใหม่ ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนอาหารสลับกันไป เป็นผลไม้บ้าง พืชผักบ้าง หนอนนกบ้าง และอาหารเม็ดบ้าง



ใบพืชปกติในธรรมชาติ นกกรงหัวจุกก็จะกินใบพืช เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สบาย ผู้เลี้ยงควรหามาให้นกกินบ้าง ได้แก่
1.ใบมะขาม เป็นยาแก้หวัด คัดจมูก
2.ใบผักหวาน เป็นยาแก้ไข
3.ใบตำลึง เป็นยาแก้ร้อนใส
เมล็ดธัญพืชแบ่ง ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ เมล็ดจำพวกข้าว พวกนี้จะมีปริมาณของแป้งสูง ซึ่งจะทำให้พลังงานแก่นก อีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ เมล็ดที่มีส่วนประกอบของน้ำมันผสมอยู่ เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดเกาลัด และพวกถั่ว เป็นต้น

นกกรงหัวจุกตัวเมีย

Posted by Unknown วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

 

 

 

 

นกกรงหัวจุกตัวเมีย

  • จุกที่หัว - ขนบนจุกจะเล็กกว่าตัวผู้จุกที่อยู่บนหัวมีโคนจุกเล็กกว่าตัวแล้ว เริ่มเรียวขึ้นไปปลายจุกแหลมแต่ปลายจุกจะชี้มาทางด้านหลัง
  • หัว - มีหัวและใบหน้าเล็กกว่าตัวผู้
  • ปาก - มีปากสีดำเป็นมันและปลายปากงอเล็กน้อย
  • ตา - ดวงตากลมและใสสีดำ
  • ขนแดงใต้ตา - เป็นขนสีแดงฟูเป็นกระจุกใต้ตา
  • ขนแก้ม - เป็นกระจุกฟูใหญ่กว่าขนแดงใต้ตา
  • คอ - ขนาดของคอเล็กกว่าตัวผู้ทำให้ร้องเสียงไม่ดี ร้องได้ไม่นาน จึงทำให้ร้องไม่เป็นเพลง
  • ขนคอด้านบน - จะเป็นขนสีดำเรียบ
  • ขนคอด้านล่าง - เป็นขนสีขาวสะอาดและขนฟูเป็นปุยเหมือนสำลีนูนออกมา
  • สร้อยคอ - จะมีสีดำเป็นแถบจากคอพาดลงมาที่หน้าอก ที่ปลายสร้อยคอมองดูแล้วจะมีลักษณะไม่แหลม
  • อก - มีอกเล็กกว่าตัวผู้ และขนหน้าอกจะมีน้อยกว่าตัวผู้ โดยใช้ปากเป่าดูขนหน้าอก หนังที่อกของตัวเมียจะเนียนละเอียดเกลี้ยงกว่าตัวผู้
  • ขนที่หัวปีก - ขนที่หัวปีกไม่มีสีแดงทั้ง 2 ข้าง
  • หาง - ขนหางมีสีน้ำตาลดำ มีขนหางจำนวน 9-10 เส้น
  • เสียงร้อง - ขนหางมีสีน้ำตาลดำ มีขนหางจำนวน 9-10 เส้น

นกกรงหัวจุกตัวผู้

Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น

                                          

นกกรงหัวจุกตัวผู้

  • จุกที่หัว - ขนจุกบนหัวใหญ่จุกที่อยู่บนหัวมีโคนจุกใหญ่แล้วเริ่มเล็กเรียวขึ้นไปปลายจุกแหลมและปลายจุกจะชี้ไปทางหัวของนก
  • หัว - มีหัวและใบหน้าใหญ่
  • ปาก - มีสีดำเป็นมันและปลายปากงอเล็กน้อย
  • ตา - ดวงตากลมและใส สีดำ
  • ขนแดงใต้ตา - เป็นสีแดงฟูเป็นกระจุกใต้ตา
  • ขนแก้ม - เป็นกระจุกสีขาวฟูใหญ่กว่าขนแดงใต้ตา
  • คอ - ขนาดของคอตัวผู้ใหญ่กว่าตัวเมียทำให้ร้องเสียงดี และร้องได้นานกว่าตัวเมีย จึงสามารถร้องเป็นเพลงได้หลายคำ
  • ขนคอด้านบน - จะเป็นขนสีดำเรียบ
  • ขนคอด้านล่าง - เป็นขนสีขาวสะอาดและขนฟูเป็นปุยเหมือนสำลีนูนออกมา
  • สร้อยคอ - จะมีสีดำเป็นแถบจากคอพาดลงมาที่หน้าอก ที่ปลายสร้อยคอมองดูแล้วจะมีลักษณะออกแหลมแต่ไม่ค่อยเด่นชัดนัก
  • อก - มีอกใหญ่ขนหน้าอกมีมากกว่าตัวเมียโดยใช้ปากเป่าอกดูขนหน้าอก
  • ขนที่หัวปีก - มีขนที่หัวปีกสีน้ำตาลดำ มีขนหางจำนวน 12 เส้น
  • หาง - ขนหางมีสีน้ำตาลดำ มีขนหางจำนวน 12 เส้น
  • เสียงร้อง - เสียงร้องจะใหญ่และดังกังวานร้องได้ 3-7 พยางค์

ลักษณะของนกกรงหัวจุก

Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น


ลักษณะทั่วไป มีขนาดยาวประมาณ ๒๐ ซ.ม มีปากเรียวแหลม ปลายปากโค้งเล็กน้อย และมีขนสั้นแข็งบริเวณโคนปาก คอสั้น ลำตัวเพรียว ปีกสั้น หางยาว โดยนกปรอดหัวโขนมีขนหงอนยาวสีดำตั้งชันขึ้นมาบนหน้าผากเป็นลักษณะเด่น มองดูคล้ายกับคนที่สวมหัวโขนหรือชฎาที่มียอดแหลมขึ้นมา ลักษณะพิเศษของนกปรอดหัวโขนจะมีปากดำ กระหม่อมดำเช่นเดียวกับหงอน แก้มสีขาวและมีเส้นสีดำลากจากโคนปาก ลงมาต่อกับแถบสีดำข้างคอ ใต้ตามีแต้มสีแดง ลำตัวด้านบนสีน้ำตาล ลำตัวด้านล่าง สีขาว โคนหางด้านล่างสีแดง ปลายขอบหางสีขาว ขาสีดำ



ข้อมูลนกกรงหัวจุก

Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น
           
"นกกรงหัวจุก"
  ชื่ออื่นๆ นกกรงหัวจุก (ใต้) นกปรอดหัวโขนเคราแดง นกปรอดหัวจุก นกปรอดหัวโขน (กลาง) นกพิชหลิว นกปริ๊จจะหลิว( เหนือ) ชื่อวิทยาศาสตรPycnonotus jocosus สกุล Pycnonotus ซึ่งเป็นสกุลของนกปรอดสวน เป็นสัตว์คุ้มครองประเภทนกที่เพาะพันธุ์ได้ พบอาศัยอยู่ตั้งแต่ละแวกบ้านไปจนถึงบนยอดดอยสูงและตามป่าที่ราบต่ำ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๓๖ ชนิด นกมีถิ่นอาศัยอยู่แถบเอเชียในกลุ่มประเทศที่มีอุณหภูมิร้อนชื้นสูง เช่น จีน อินเดีย อินโดฯ สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และไทย พบเห็นได้ทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะนกปรอดหัวโขนเคราแดง

Posted by Unknown วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

1. บล็อกเกอร์มีอิสระในการนำเสนอ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากใครก่อน อาจโพสเรื่องที่ไม่เหมาะสม เรื่องที่หมิ่นเหม่ หรือ เข้าข่ายผิดกฎหมาย ผิดประเพณีและศีลธรรมอันดีได้ จึงต้องมีกติกาให้ตัวเอง หรือใช้จริยธรรมของแต่บุคคล ความมีเหตุมีผล ความระมัดระวัง รอบคอบ ของบล็อกเกอร์มากำกับไว้เอง

2. ผู้ให้บริการบล็อก ไม่สามารถกลั่นกรองเนื้อหาได้ 100% เว้นแต่จะสร้างระบบกรองคำหยาบ คำต้องห้ามไว้เพื่อให้มีการตรวจทานก่อนเผยแพร่ อาจมีความเสี่ยงเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายไปด้วยหากมีบล็อกเกอร์โพสข้อความ รูปภาพ ไม่เหมาะสมแล้วมีการฟ้องร้องขึ้นมา

3. ในทางปฏิบัติ ผู้ให้บริการบล็อก ไม่สามารถบังคับหรือกำหนดแนวทางให้บล็อกเกอร์นำเสนอได้ แม้จะโปรโมทให้ oknation เป็นสังคมของ CJ Citizen Jouranalist แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่า จะไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีบล็อกเกอร์ที่ทำบล็อกในแนวอื่น ซึ่งเปรียบเสมือนมีคอมลัมน์หลากหลายในหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ จึงน่าจะถือว่า เป็นเรื่องของการสร้างชุมชนที่ดีร่วมกัน

4. เนื้อหาที่อยู่ในบล็อก หากไม่ใช่ผลงานวิจัย หรือ วิทยานิพนธ์ ที่ทำตามหลักวิชาการ หรือ ตัวบทกฎหมาย ก็อาจมีความน่าเชื่อถือน้อยถึงน้อยมาก

5.ความน่าเชื่อถือของข้อมูลขึ้นกับความน่าเชื่อถือของบล็อกเกอร์ มากกว่าตัวข้อมูลเอง หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้อ้างอิง อาจประสบปัญหาได้

6. เปิดโอกาสให้พวกป่วนเข้ามาเปิดบล็อก ก่อกวน

7. เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมในชุมชนเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้มีการแสดงออกถึงการขัดแย้งอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความไม่สามัคคี ทะเลาะกันได้ หากไม่ใช้การวางจิตเป็นกลาง ไม่นำเหตุและผลมาโต้แย้งกันโดยสันติ

8. เปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่ กระจายข่าวปั้นแต่ง ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวยั่วยุ

9. การที่มีบล็อก และเรื่องใหม่ๆมากมายในแต่ละวัน การนำเสนอเรื่องเดิมซ้ำๆกันอาจเกิดขึ้นได้ เช่นการนำ ข้อความจากฟอร์เวิร์ดเมล์ มาโพส เป็นต้น
Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น
ผมเริ่มทดลองใช้เว็บบล็อกมาเกือบสองปีแล้ว เนื่องจากเป็นบริการฟรี และมีระบบใช้งานง่าย แต่ก็ยังไม่รู้จะหาประโยชน์มันอย่างไร นอกจากใช้เป็นไดอารี่ออนไลน์ ช่วงนั้น ผมก็บันทึกเรื่องเหล่านี้ใน www.bananaclick.com อยู่แล้ว จึงยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมาทำ 2 เว็บไซต์ แล้วมีเนื้อหาเหมือนกัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเกิดปัญหาเข้าไปแก้ไขข้อมูลในเว็บ www.bananaclick.com ไม่ได้ (ขณะนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ผมอยากพักข้อมูลในนั้นไว้เป็นส่วนเสริมจากการอ่านหนังสือ คิดได้ขายเป็นบนโลกออนไลน์) เลยเกิดความคิดว่าน่าจะมีเว็บเก็บข้อมูลสำรอง ก็เลยหันมาให้ความสำคัญกับเว็บบล็อกอีกครั้ง...

หลังจากทดลองเข้าไปทำเว็บใน blogger.com แล้วถึงสี่เว็บก็เกิดความมั่นใจว่า ระบบมีความเสถียรพอสมควร (ต้องสมัครอีเมลของ gmail.com ก่อน) ที่สำคัญคือเป็นภาษาไทยอธิบายและจัดทำได้ไม่ยาก มีความเป็นอิสระในการออกแบบตามสมควร วันที่ 1 มกราคม 2551 ผมจึงคิดจะทำเว็บบล็อกอย่างจริงจัง หลังจากสร้างเว็บบล็อกเสร็จจึงไปจดโดเมนเนม thaimarketonline.net ขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1. เป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้ที่ผมเคยไปสอนวิชาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้มีโอกาสศึกษาเพิ่มเติม ไม่เฉพาะจบกันแค่ชั่วโมงสอนที่กำหนด

2. เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสาร, ข้อมูลความรู้ ทั้งวิธีการซื้อสินค้า และระมัดระวังเรื่องการโกงออนไลน์

3. การสร้างเว็บบล็อกนั้น ไม่มีรูปแบบตายตัว ในการนำเสนอเนื้อหาสาระ จะบอกเรื่องงานอดิเรก, แนะนำตัวเอง, เก็บความประทับใจจากการท่องเที่ยว หรือแม้แต่จะประกาศขายสินค้าก็ทำได้ ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีอิสระในการนำเสนอรูปแบบต่างๆ มากขึ้น จะเห็นว่าเว็บ thaimarketonline.net บางพื้นที่จึงมีไว้เพื่อตรวจการบ้าน สำหรับผู้ประกอบการที่ส่งงานมาให้ตรวจ ที่สำคัญ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ยังมีผู้อื่นพบเห็น จะทำให้เกิดการเรียนรู้ในวงกว้างขึ้น เพื่อจะไม่ทำผิดซ้ำอีก

4. เว็บ thaimarketonline.net เป็นเสมือนสนามทดลองงานเขียนประเภทใหม่ๆ ของผม ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ สิ่งนี้ก็จะทำให้ผมรู้ความต้องการ และผลิต หนังสือเล่ม 2 ให้ตรงกับความต้องการของผู้อ่านยิ่งขึ้น แนวความคิดเช่นนี้ ผู้ผลิตสินค้า ก็สามารถนำมาประยุกต์แนะนำต้นแบบสินค้าของตนเองให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักก่อนได้ เพราะถ้าทุ่มงบประมาณผลิตออกมามากมายแล้ว สี, ลักษณะ หรือราคาไม่เข้าตาลูกค้า ก็อาจประสบปัญหาขาดทุน

5. การสร้างเว็บบล็อก ที่เกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ หมายถึง "ตลาด" ที่มีผู้คนเข้ามามากมาย ซึ่งคนเหล่านี้สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือแม้แต่ทำธุรกิจร่วมกันได้ ในเว็บไซต์นี้จึงมีขายตั้งแต่พวงกุญแจอันละ 79 บาท ไปจนถึงที่ดินแปลงละกว่า 4 ล้าน ซึ่งถือเป็นช่องทางการตลาดที่สะดวก ทั้งผู้ขายก็ไม่ต้องไปนั่งสัปปะหงกเฝ้าร้านเสียเวลารอลูกค้าที่ไม่รู้จะมาซื้อเมื่อไหร่ ในขณะที่ตื่นขึ้นมาก็ต้องขึ้นเครียดกับค่าเช่าร้านเดือนละหมื่นที่ต้องจ่ายทุกเดือน ในขณะที่ผู้ซื้อเองก็ซื้อสินค้าที่ดี มีราคายุติธรรม ไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเช่าร้าน, พนักงาน หรือสำรองหนี้สูญของผู้ขาย ผมเองเคยใช้บริการติดคีย์การ์ดประตู จากร้านบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเมื่อเทียบราคากับการไปติดต่อร้านที่เปิดบริการอยู่ในห้างแล้ว ต่างกันถึง 5,000 บาท!!!
Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น

 

ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้
เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้
ใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้
การเขียน blog สำหรับบันทึกเล่าเรื่องราว ข่าวสาร ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ในสิ่งที่ผู้เล่าสนใจ เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือ การเขียนต้อง มีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จะช่วยอำนวยให้การดึงเอาความรู้ฝังลึกถูกแสดงออกมาได้โดยไม่ยากนัก
         ความเป็นผู้รู้ของตนเอง หรือผู้เล่าบางท่านอาจตระหนักรู้อยู่ว่าตนเองมีความรู้นี้อยู่ แต่ความรู้ไม่เคยได้ถูกเรียบเรียงหาเหตุผลสนับสนุนต่อยอดความถูกต้องของความรู้นี้ ได้โยงความสัมพันธ์ของเรื่องเล่าของตนเองและสร้างความน่าเชื่อถือและ ความถูกต้องของความรู้ฝังลึกให้เกิดขึ้นได้
         การเขียน blog อยู่เป็นประจำก็สามารถนำมาสู่การสร้างขุมความรู้ (Knowledge Assets) อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ การเก็บรวบรวมและการแก้ไขหรือเพิ่มเติมความรู้ก็ทำได้โดย สะดวกรวดเร็ว ส่วนระบบ blog ที่เป็นแบบชุมชน เช่น GotoKnow.org จะยิ่งช่วยทำให้ขุมความรู้ถูกร่วมมือกันสร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นขุมความรู้ที่เชื่อมโยง (ผู้เขียนมีปัญหากับการใช้งานในเว็บ gotoknow.org จึงไม่ได้ใช้บริการ KM blog ที่นี่ ซึ่งน่าจะเป็นแหล่ง KM blog ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย)
 
         การเขียน blog จะอนุญาตให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นต่อความรู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอดลงไปใน blog และผู้เขียนได้เขียนโต้ตอบต่อความคิดเห็นนั้นๆ ไปๆ มาๆ ในลักษณะของการสนทนาเพื่อหาความแตกฉานในตัวความรู้ ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันสกัดความรู้ฝังลึกได้อย่างดี
Posted by Unknown 0 ความคิดเห็น

     Blog มาจากศัพท์คำเต็มว่า WeBlog  คือ เว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ที่เจ้าของ หรือ Blogger สามารถบันทึกเรื่องราวของตนเองลงในเว็บได้ตลอดเวลา นอกจากนี้แล้ว Blog ยังเป็นพื้นที่ให้ Blogger โพสต์ข้อมูล หรือใส่ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆ เช่น คุณหมอ เปิดบล็อกแนะนำเรื่องสุขภาพ เป็นต้น การสร้างเว็บบล็อกสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML อย่างน้อยขอให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ ภายในเว็บบล็อก จะมีระบบบริหารจัดการเว็บไซต์พื้นฐานให้แล้ว โดยการสร้างเครื่องมือสำหรับ เขียนเรื่อง โพสรูป จัดหมวดหมู่ และลูกเล่นอื่นๆ ที่ผู้จัดทำพยายามสร้างเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ให้เข้าไปใช้บริการ เสน่ห์ของบล็อกอยู่ที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถโต้ตอบกันได้ (Interactive) โดยการแสดงความคิดเห็นต่อท้ายที่เรื่องนั้นๆ  ข้อแตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์ทั่วไป คือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที      ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย ตัวอย่างผู้ให้บริการ Blog เช่น Bloggang, exteen หรือ BlogKa หรือต่างประเทศเช่น Blogger, Wordpress, MySpace
      บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้าน HTML หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน

Popular Posts